ผู้นำอุตสาหกรรมท่าเทียบเรือ
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของท่าเรือแหลมฉบัง ถือเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการส่งออกและเกตเวย์ของภูมิภาค ปริมาณตู้สินค้าในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการเติบโตของ GDP ภายในประเทศ อีกทั้งรัฐบาล ยังได้ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการริเริ่มโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งจะสร้างแรงขับเคลื่อนต่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ในฐานะผู้ให้บริการท่าเทียบเรือรายใหญ่ที่สุดในท่าเรือแหลมฉบัง ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า เราได้ลงทุนในด้านเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพื่อให้พร้อมรองรับกับความต้องการของตลาดอยู่เสมอ
ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ปฏิบัติการภายในท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งแต่ท่าเรือเริ่มเปิดให้บริการ และเรามุ่งมั่นที่จะเป็นหุ้นส่วนในระยะยาวต่อไป ปัจจุบัน ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ปฏิบัติการในท่าเทียบเรือ A2, A3, C1 และ C2 โดยท่าเทียบเรือทั้งหมด สามารถให้บริการได้สูงกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้
จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างการเติบโตในอนาคตอย่างยั่นยืน เราได้ทำการลงทุนในท่าเทียบเรือ D ซึ่งจะกลายเป็นท่าเทียบเรือที่มีขนาดใหญ่และทันสมัยมากที่สุดภายในท่าเรือแหลมฉบัง และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับ ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ที่จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตได้อย่างเต็มกำลัง
ข้อมูลทั่วไป
ข้อมูล |
A2 |
A3 |
C1&C2 |
D |
พื้นที่ (เฮกเตอร์) |
17 |
13.7 |
54 |
76.5 |
ความยาวหน้าท่า (เมตร) |
400 |
350 |
1,200 |
1,700 |
ความลึกที่ระดับน้ำทะเลปานกลาง (เมตร) |
14 |
14 |
16 |
16 |